tag:blogger.com,1999:blog-43285024454979837902024-02-08T09:39:04.314-08:00หลักการและทฤษฏีเทคโนโลยีการผลิตวัสดุกราฟิกhttp://www.blogger.com/profile/06385650305681948952noreply@blogger.comBlogger5125tag:blogger.com,1999:blog-4328502445497983790.post-68029624582790321232009-09-17T02:27:00.000-07:002009-09-17T23:31:52.060-07:00<span style="color:#ff6600;">วิธีการสอน</span><br />รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญเทคนิค<br />/วิธีการสอนทักษะ<br />/พฤติกรรมที่มุ่งเน้นบทบาทผู้เรียน<br />1) กระบวนการสืบค้น(Inquiry Process)<br />- การศึกษาค้นคว้า- การเรียนรู้กระบวนการ<br />- การตัดสินใจ<br />- ความคิดสร้างสรรค์ศึกษาค้นคว้า เพื่อสืบค้นข้อความรู้ด้วยตนเอง<br />2) การเรียนแบบค้นพบ (Discovery Learning)<br />- การสังเกต การสืบค้น<br />- การให้เหตุผล การอ้างอิง<br />- การสร้างสมมติฐานศึกษา ค้นพบข้อความรู้และขั้นตอนการเรียนรู้ด้วยตนเอง<br />3) การเรียนแบบแก้ปัญหา (Problem-solving)<br />- การศึกษาค้นคว้า<br />- การวิเคราะห์ สังเคราะห์ประเมินค้าข้อมูล<br />- การลงข้อสรุป- การแก้ปัญหาศึกษา แก้ปัญหาอย่างเป็นกระบวนการและฝึกทักษะการเรียนรู้ที่สำคัญด้วยตนเอง<br />4) การเรียนแบบสร้างแผนผังความคิด (Concept Mapping)<br />- การคิด<br />- การจัดระบบความคิดจัดระบบความคิดของตนให้ชัดเจน เห็นความสัมพันธ์<br />5) การตั้งคำถาม (Questioning)<br />- กระบวนการคิด<br />- การตีความ<br />- การไตร่ตรอง<br />- การถ่ายทอดความคิด ความเข้าใจเรียนรู้จากคิดเพื่อสร้างข้อคำถามและคำตอบด้วยตนเอง<br />6) การศึกษาเป็นรายบุคคล (Individual Study)<br />- การศึกษาค้นคว้าข้อความรู้<br />- การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์<br />- ความรับผิดชอบเรียนรู้อย่างเป็นอิสระด้วยตนเอง<br />7) การจัดการเรียนการสอนที่ใช้เทคโนโลยี (Technology - Related Instruction)ประกอบด้วย<br />- ศูนย์การเรียน<br />- ชุดการสอน<br />- บทเรียนสำเร็จรูป<br />- คอมพิวเตอร์ช่วยสอน<br />- e-learning<br />- การตอบคำถาม<br />- การแก้ปัญหา<br />- การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์<br />- การเรียนรู้ที่ต้องการผลการเรียนรู้ทันที<br />- การเรียนรู้ตามลำดับขั้นเรียนรู้ด้วยตนเองตามระดับความรู้ความสามารถของตน มีการแก้ไขฝึกซ้ำเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและความเชี่ยวชาญ<br />8) การอภิปรายกลุ่มใหญ่ (Whole - Class Discussion)<br />- การแสดงความคิดเห็น<br />- การวิเคราะห์<br />- การตีความ<br />- การสื่อความหมาย<br />- ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์<br />- การสรุปความมีอิสระในการแสดงความคิดเห็น มีบทบาทมีส่วนร่วมในการสร้างข้อความรู้<br />9) การอภิปรายกลุ่มย่อย (Small - Group Discussion)<br />- กระบวนการกลุ่ม<br />- การวางแผน-<br />การแก้ปัญหา<br />- การตัดสินใจ<br />- ความคิดระดับสูง<br />- ความคิดสร้างสรรค์<br />- การแก้ไขข้อขัดแย้ง<br />- การสื่อสา<br />ร- การประเมินผลงาน<br />- การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้รับผิดชอบต่อบทบาทหน้าที่ของตนเองในฐานะผู้นำกลุ่มหรือสมาชิกกลุ่มทั้งในบทบาทการทำงานและบทบาทเกี่ยวกับการรวมกลุ่ม ในการสร้างข้อความรู้หรือผลงานกลุ่ม<br />- 9.1 เทคนิคคู่คิด (Think-Pair-Share)- การค้นคว้าหาคำตอบ- การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นรับผิดชอบการเรียนร่วมกับเพื่อน<br />- 9.2 เทคนิคการระดมพลังสมอง (Brainstorming)- การมีส่วนร่วม- การแสดงความคิดเห็น- ความคิดสร้างสรรค์- การแก้ปัญหาแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลายในเวลาอันรวดเร็ว<br />- 9.3 เทคนิค Buzzing- การค้นคว้าหาคำตอบด้วยเวลาจำกัดแสดงความคิดเห็นเพื่อหาข้อสรุปในเวลาอันจำกัด<br />- 9.4 การอภิปรายกลุ่มแบบต่าง ๆ (Panel, Forum, Symposium, Seminar- การสื่อสาร- การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น- การสรุปข้อความรู้รับฟังข้อมูลความคิดเห็นเพื่อหาข้อสรุปในเวลาอันจำกัด<br />- 9.5 กลุ่มติว- การฝึกซ้ำ- การสื่อสารทบทวนจากกลุ่มหรือเพื่อหรือเรียนเพิ่มเติม<br />10) การฝึกปฏิบัติการ<br />- การค้นคว้าหาความรู้<br />- การรวบรวมข้อมูล<br />- การแก้ปัญหาศึกษาค้นคว้าข้อความรู้ในลักษณะกลุ่มปฏิบัติการ<br />11) เกม (Games)<br />- การคิดวิเคราะห์<br />- การตัดสินใจ<br />- การแก้ปัญหาได้เล่มเกมด้วยตนเองภายใต้กฎหรือกติกาที่กำหนด ได้คิดวิเคราะห์พฤติกรรมและเกิดความสนุกสนานในการเรียน<br />12) กรณีศึกษา (Case Studies)<br />- การค้นคว้าหาความรู้<br />- การอภิปราย<br />- การวิเคราะห์<br />- การแก้ปัญหาได้ฝึกคิดวิเคราะห์อภิปรายเพื่อสร้างความเข้าใจแล้วตัดสินใจเลือกแนวทางแก้ปัญหา<br />13) สถานการณ์จำลอง (Simulation)<br />- การแสดงความคิดเห็น<br />- ความรู้สึก<br />- การวิเคราะห์ได้ทดลองแสดงพฤติกรรมต่าง ๆ ในสถานการณ์ที่จำลองใกล้เคียงสถานการณ์จริง<br />14) ละคร (Dramatization)<br />- ความรับผิดชอบในบทบาท<br />- การทำงานร่วมกัน<br />- การวิเคราะห์ได้ทดลองแสดงบทบาทตามที่กำหนดเกิดประสบการณ์เข้าใจความรู้สึก เหตุผล และพฤติกรรมผู้อื่น<br />15) บทบาทสมมติ<br />- มนุษยสัมพันธ์<br />- การแก้ปัญหา<br />- การวิเคราะห์ได้ลองสวมบทบาทต่าง ๆ และศึกษาวิเคราะห์ความรู้สึกและพฤติกรรมตน<br />16) การเรียนแบบร่วมมือ (Cooperative Learning) ประกอบด้วยเทคนิค JIGSAW, JIGSAW II, TGT, STAD,LT,GI, NHT, Co-op Co-op<br />- กระบวนการกลุ่ม<br />- การสื่อสาร<br />- ความรับผิดชอบร่วมกัน<br />- ทักษะทางสังคม<br />- การแก้ปัญหา<br />- การคิดแบบหลากหลาย<br />- การสร้างบรรยากาศการทำงานร่วมกันได้เรียนรู้บทบาทสมาชิก กลุ่มมีบทบาทหน้าที่ รู้จักการไว้วางใจให้เกียรติและรับผังความคิดเห็นของเพื่อนสมาชิกกลุ่ม และรับผิดชอบการเรียนรู้ของตนและเพื่อน ๆ ในกลุ่ม<br />17) การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม(Participatory Learning)<br />- การนำเสนอความคิดประสบการณ์<br />- การสื่อสารและปฏิสัมพันธ์<br />- กระบวนการกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายแสดงความคิดเห็นหรือปฏิบัติจนได้ข้อสรุป<br />18) การเรียนการสอนแบบ บูรณาการ แบบ Shoreline Method<br />- การค้นคว้าหาความรู้<br />- การสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง<br />- ทักษะทางสังคม<br />- กระบวนการกลุ่ม<br />- การสื่อสาร<br />- การแก้ปัญหามีส่วนร่วมในการเรียนทั้งทางด้านร่างกาย จิตใจและการคิด ดำเนินการเรียนด้วยตนเองทั้งในห้องเรียนและสถานการณ์จริง ศึกษา ปฏิบัติด้วยตนเองทุกเรื่อง ร่วมแรงร่วมใจด้วยความเต็มใจการผลิตวัสดุกราฟิกhttp://www.blogger.com/profile/06385650305681948952noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4328502445497983790.post-2427978821756015312009-09-01T00:40:00.000-07:002009-09-17T23:30:49.380-07:00<span style="color:#000099;">จงตอบคำถามลงในช่องว่างของแต่ละข้อให้ได้ความสมบูรณ์และถูกต้อง</span><br />1.การรับรู้ หมายถึงอะไร<br />ตอบ...กระบวนการแปลหรือตีความต่อสิ่งเร้าข่าวสารที่ผ่านอวัยวะรับสัมผัสเข้าไปยังสมองในรูปของไฟฟ้าและเคมี<br />2.อวัยวะรับสัมผัสมี 5 ทาง คือ ตา หู จมูก ลิ้น และ กาย<br />3.องค์ประกอบของกระบวนการรับรู้มี 3 ประการ ได้แก่<br />...- อาการรับสัมผัส<br />...- อาการแปลความหมายของอาการสัมผัส<br />...-ประสบการณ์เดิม<br />4.ธรรมชาติของการรับรู้มีอะไรบ้าง...<br />- การเลือกที่จะรับรู้...<br />- การจัดหมวดหมู่ของสิ่งเร้าอย่างมีแบบแผน...<br />- ความต่อเนื่อง...- ความสมบูรณ์<br />5.สิ่งต่างๆที่มีอิทธิพลต่อการรับรู้ ได้แก่...<br />- สิ่งเร้าภายนอก...<br />- สิ่งเร้าภายใน...<br />- คุณลักษณะของสิ่งเร้า<br />6.การเรียนรู้ หมายถึงอะไร...<br />- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากเดิมไปสู่พฤติกรรมใหม่ที่ก่อนข้างถาวร และพฤติกรรมนี้เป็นผลจากประสบการณ์หรือการฝึกฝนมิใช่การตอบสนองจากธรรมชาติ วุฒิภาวะ หรือความบังเอิญ เป็นต้น<br />7.จงเขียนแผนภูมิการแบ่งกลุ่มทฤษฎีการเรียนรู้ให้ถูกต้อง<br />.....ทฤษฎีการเรียนรู้<br />1.กลุ่มทฤษฎีสร้างความสัมพันธ์ต่อเนื่อง<br />1.1ทฤษฎีการเรียนรู้แบบเชื่อมโยง<br />1.2ทฤษฎีการเรียนรู้แบบวางเงื่อนไข<br />1.2.1)การเรียนรู้แบบคลาสิค<br />1.2.2)การเรียนรุ้แบบจงใจกระทำ<br />2.กลุ่มทฤษฎีความรู้ความเข้าใจ<br />2.1Gestalt T..2.2Field T.<br />8.บลูม จำแนกพฤติกรรมการเรียนรู้ออกเป็น 3 หมวด ได้แก่<br />- พุทธพิสัย<br />- จิตพิสัย<br />- ทักษะพิสัย<br />9.สภาพที่เอื้อต่อการเรียนรู้มี 4 ประการ คือ<br />- เปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วม<br />- ป้อนข้อมูลย้อนกลับทันที<br />- จัดประสบการณ์ที่เป็นผลสำเร็จ<br />- การประมาณการที่ละน้อย<br />10.จงเขียนแผนภูมิกระบวนการเรียนรู้ตามแนวพุทธศาสตร์ให้ถูกต้อง<br />...การรับรู้ตามแนวพุทธศาสตร์-->1.อวัยวะรับสัมผัส}............................................................การรับสัมผัส การรับรู้ ความรู้สึก ความจำ ความคิด.......................................2.สิ่งเร้าภายนอก}การผลิตวัสดุกราฟิกhttp://www.blogger.com/profile/06385650305681948952noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4328502445497983790.post-55751595672379567232009-09-01T00:39:00.000-07:002009-09-17T23:29:41.937-07:00<span style="color:#ff0000;">คำถามท้ายบทเรื่องสื่อการสอน</span><br />1.จงบอกความหมายของสื่อการสอนให้ถูกต้อง<br />ตอบ...สื่อการสอนหมายถึงวัสดุ อุปกรณ์ หรือวิธีการใดๆก็ตามที่เป็นตัวกลางหรือพาหนะในการถ่ายทอดความรู้ ทัศนคติ ทักษะและประสบการณ์ไปสู่ผู้เรียน<br />2.จงอธิบายความสำคัญของสื่อการสอนให้ชัดเจน<br />ตอบ...เป็นองค์ประกอบยิ่งอย่างหนึ่งของการศึกษาหรือการเรียนการสอน ทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น<br />3.จงบอกถึงคุณสมบัติของสื่อการสอนมาอย่างน้อย 3 ข้อ<br />ตอบ 1)สามารถจัดยึดประสบการณ์ กิจกรรม และการกระทำต่างๆได้<br />2)สามารถจัดแจง ปรับปรุง ประสบการณ์ต่างๆได้<br />3)สามารถแจกจ่ายและขยายข่าวสารออกเป็นหลายๆฉบับเพื่อเผยแพร่สู่คนจำนวนมาก<br />4.จงบอกถึงคุณค่าของสื่อการสอนมาอย่างน้อย 5 ข้อ<br />ตอบ 1)เป็นศูนย์รวมความสนใจของผู้เรียน<br />2)ทำให้บทเรียนเป็นที่น่าสนใจ<br />3)ช่วยให้ผู้เรียนมีประสบการณ์กว้างขวาง<br />4)แสดงสิ่งที่ลี้ลับให้เข้าใจง่าย<br />5)ทำให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ร่วมกัน<br />5.จงยกตัวอย่างคุณค่าของสื่อการสอนในด้านวิชาการ ด้านจิตวิทยาการเรียนรู้ และด้านเศรษฐกิจศึกษา อย่างน้อยด้านละ 1 ตัวอย่าง<br />ตอบ 1)ด้านวิชาการàทำให้ผู้เรียนได้ประสบการณ์ตรง<br />2)ด้านจิตวิทยาการเรียนรู้àทำให้เกิดความคิดรวบยอดเป็นอย่างเดียวกัน<br />3)ด้านเศรษฐกิจการศึกษาàช่วยให้ผู้ที่เรียนได้ช้าเรียนด้ายเร็วและมากขึ้น<br />6.จงจำแนกประเภทของสื่อให้ถูกต้องและชัดเจน<br />ตอบ...จำแนกประเภทของสื่อได้ดังนี้.<br />1)จำแนกตามคุณสมบัติ<br />2)จำแนกตามแบบ<br />3)จำแนกตามประสบการณ์<br />7.จงบอกหลักการใช้สื่อการสอนให้ถูกต้องชัดเจน<br />ตอบ...ควรดำเนินตามขั้นตอนดังนี้<br />1)ขั้นการเลือก (Selection)<br />2)ขั้นเตรียม (Preparation)<br />3)ขั้นการใช้หรือการแสดง (Presentation).<br />4)ขั้นติดตามผล (Follow up)<br />8.จงอธิบายข้อดีและข้อจำกัดของสื่อการสอนให้ถูกต้องอย่างน้อย 2 ชนิด<br />ตอบ...1)หนังสือ สมุดคู่มือ เอกสารอื่นๆ<br />-ข้อดีคือ เป็นวิธีการเรียนรู้ที่ดีที่สุดสำหรับบางคนได้แก่การอ่าน<br />-ข้อจำกัดคือต้นทุนการผลิตสูง<br />...2)ตัวอย่างของจริง<br />-ข้อดีคือแสดงภาพตามความเป็นจริง<br />-ข้อจำกัดคือจัดหาลำบากการผลิตวัสดุกราฟิกhttp://www.blogger.com/profile/06385650305681948952noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4328502445497983790.post-8670860427957284452009-09-01T00:38:00.001-07:002009-09-17T02:26:07.763-07:00จงเติมคำลงในช่องว่างต่อไปนี้ให้สมบูรณ์และถูกต้อง<br />1.คำว่า Communis แปลว่า คล้ายคลึง หรือร่วมกัน<br />2.การสื่อความหมาย หมายถึง กระบวนการสั่งหรือถ่ายทอดความรู้ เนื้อหา สาระ ความรู้สึกต่างๆ ตลอดจนประสบการณ์จากฝ่ายหนึ่ง(ผู้ส่งสาร)สู่อีกฝ่ายหนึ่ง(ผู้รับสาร)<br />3.Sender Message Channel Reciever<br />4.สาร หมายถึง เนื้อหาสาระ ความรู้สึก ทัศนคติ ทักษะประสบการณ์ที่มีอยู่ในตัวผู้ส่งหรือแหล่งกำเนิด<br />5.Elemnts หมายถึง องค์ประกอบย่อยๆ พื้นฐานที่จำเป็นต้องมี ตัวอย่างเช่น สระ พยัญชนะ หรือสีแดงสีเหลือง เส้น เป็นต้น<br />6.Structure หมายถึง โครงสร้างที่นำองค์ประกอบย่อยมารวมกัน ตัวอย่างเช่น คำ ประโยค หรือ สีของรูปร่าง รูปทรง<br />7.Content หมายถึง ข้อมูลที่เป็นความรู้สึกนึกคิด ความต้องการของผู้ส่ง ตัวอย่างเช่น ข้อมูลเกี่ยวกับอะไร สอดคล้องเหมาะสมกับอะไร<br />8.Treatment หมายถึง กลุ่มสัญลักษณ์ที่ถูกนำมาจัดแทนความรู้สึกนึกคิด ความต้องการ ตัวอย่างเช่น ภาษาพูด ภาษาเขียน ดนตรี ภาพวาด กริยาท่าทาง<br />9.Code หมายถึง วิธีการเลือก การจัดรหัสและเนื้อหาให้อยู่ที่ถ่ายทอดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น<br />10.อุปสรรคหรือสิ่งรบกวนภายนอก เช่น เสียงดังรบกวน อากาศร้อน แสงแดด<br />11.อุปสรรคหรือสิ่งรบกวนภายใน เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล อาการเจ็บป่วย<br />12.Encode หมายถึง การแปลความต้องการของคนเป็นสัญลักษณ์หรือสัญญาณต่างๆได้<br />13.Decode หมายถึง การเลือกสื่อและช่องทางที่ไม่เหมาะสม<br />14.จงอธิบายการสื่อความหมายในการเรียนการสอนมาให้ครบถ้วนและถูกต้อง กระบวนการเรียนการสอนเป็นกระบวนการสื่อความหมายอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมีองค์ประกอบดัง นี้ ครู เนื้อหา หลักสูตร สื่อหรือช่องทาง นักเรียน<br />15. จงอธิบายถึงความล้มเหลวของการสื่อความหมายในการเรียนการสอน<br /> 1.ครูผู้สอนไม่บอกวัตถุประสงค์ให้กับผู้เรียน<br /> 2.ผู้สอนไม่คำนึงถึงความสามารถของผู้เรียน<br /> 3.ผู้สอนไม่สร้างความพร้อมให้กับผู้เรียน<br /> 4.ผู้สอนใช้คำยากทำให้ผู้เรียนไม่เข้าใจ<br /> 5.ผู้สอนนำเสนอเนื้อหาวกวน 6.ผู้สอนใช้สื่อไม่เหมาะสมการผลิตวัสดุกราฟิกhttp://www.blogger.com/profile/06385650305681948952noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4328502445497983790.post-35066205129849072442009-06-24T21:35:00.000-07:002009-09-17T23:28:24.309-07:00<div align="left"><a href="http://siranee13.blogspot.com/2009/06/1.html"><strong><span style="color:#006600;">ตอบคำถามท้ายบทที่1</span></strong></a><span style="color:#006600;"><strong><span style="font-size:85%;"><br /></span></strong><span style="font-family:arial;">1</span>.ความหมายของเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษา-เทคโนโลยี หมายถึง ระบบการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัดมี 3 หลักการ<br />1.ต้องเป็นระบบ<br />2.บรรลุเป้าหมาย<br />3.ต้องประหยัดทรัพยากร-นวัตกรรม หมายถึง การคิดการกระทำใหม่ๆที่ดำเนินการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด<br />2.ตัวอย่างของเทคโนโลยีและนวัตกรรมในสาขาต่างๆ<br />-เทคโนโลยีทางการทหาร<br />-เทคโนโลยีทางการแพทย์<br />-เทคโนโลยีทางการเกษตร<br />-เทคโนโลยีทางการสื่อสาร<br />-เทคโนโลยีทางการค้า<br />3.อธิบายความหมายของเทคโนโลยีทางการศึกษาตามทัศนะทางวิทยาศาสตร์ กายภาพและทัศนะทางพฤติกรรมศาสตร์<br />-มี 4 กระบวนการ คือ<br />1.การตั้งจุดมุ่งหมายทางการศึกษาต้องเน้นพฤติกรรมที่วัดและเห็นผล<br />2.ต้องวิเคราะห์ผู้เรียนในแง่ของความสำเร็จ ความพร้อมและอื่นๆเพื่อจัดการสอนให้เหมาะสม<br />3.การจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์<br />4.การวัดและประเมิณผล<br />4.ความหมายของการศึกษาตามความเข้าใจในระดับต่างๆ<br />-บุคคลธรรมดาสามัญ คือการศึกษาแบบอบรมฝึกฝน<br />-บุคคลในวิชาชีพทางการศึกษา<br />-บุคคลที่เป็นนักการศึกษา<br />5.เทคโนโลยีการศึกษามี 3ระดับ ได้แก่<br />-ระดับอุปกรณ์การสอน เครื่องมือที่ช่วยสอน เช่นโทรทัศน์ แผ่นใส<br />-ระดับวิธีการสอน เป็นการใช้เทคโนโลยีแทนการสอนของครูด้วยตัวเอง<br />-ระดับการจัดระบบการศึกษา<br />6.อธิบายข้อแตกต่างและความสัมพันธ์ของเทคโนโลยีและนวัตกรรม<br />-ข้อแตกต่าง คือ เทคโนโลยีประกอบด้วย </span></div><div align="left"><span style="color:#006600;">1.ข้อมูลที่ใส่เข้าไป</span></div><div align="left"><span style="color:#006600;">2.กระบวนการ </span></div><div align="left"><span style="color:#006600;">3.มีผลลัพธ์<br />-ส่วนนวัตกรรมมี3ขั้น คือ </span></div><div align="left"><span style="color:#006600;">1.การประดิษฐ์คิดค้น</span></div><div align="left"><span style="color:#006600;">2.การพัฒนา </span></div><div align="left"><span style="color:#006600;">3.การปฎิบัติจริง<br />7.ขั้นตอนการเกิดนวัตกรรม มี 3ขั้น คือ<br />- ขั้นการประดิษฐ์<br />- ขั้นการพัฒนา<br />- ขั้นการนำไปใช้หรือปฎิบัติจริง<br />8.บอกบทบาทของเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษากับจัดการเรียนการสอน<br />-ช่วยให้ผู้เรียนเรียนได้กว้างขวางขึ้น<br />-สามารถสนองเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคลได้<br />-จัดการเรียนการสอนได้ดีขึ้น<br />-มีบทบาทสำคัญที่ช่วยพัฒนาสื่อการสอน<br />-ช่วยเพิ่มโอกาสทางการศึกษา<br />9.ตัวอย่างนวัตกรรมทางการศึกษาในปัจจุบัน 3ชนิด<br />-การเขียนแบบโปรแกรม<br />-ชุดการสอน<br />-เครื่องช่วยสอน<br />10.สาเหตุของการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ทางการศึกษา<br />-การเพิ่มจำนวนของประชากร<br />-การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม<br />-ความก้าวหน้าทางวิทยาการใหม่ๆ<br />11.อธิบายแนวคิดในการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมกับการศึกษาไทย 3 ข้อ<br />-คนไทยส่วนใหญ่ไม่ถือตัว คือขาดความเชื่อมั่นในตัวเองไม่กล้าที่จะตอบคำถามกับครู เป็นต้น<br />-การไม่เห็นคุณค้าของสิ่งแวคล้อม<br />-การขาดลักษณะอันพึงประสงค์<br />12.ตัวอย่างและแนวทางในการแก้ไขของการขาดลักษณะอันไม่พึงประสงค์ของคนไทย มี3ประการ<br />-กล้าและรู้จักแสดงความคิดเห็น<br />-รู้จัดตัดสินใจในตัวเอง<br />-มีความรับผิดชอบ</span></div>การผลิตวัสดุกราฟิกhttp://www.blogger.com/profile/06385650305681948952noreply@blogger.com0